บรีฟงานยังไงให้ไม่ได้งาน - อาชีพเสริมเริ่มไม่ยาก


บรีฟงานให้ดี
ในการทำงาน การถูกบรีฟงานแย่ๆ เป็นเรื่องที่หนีไม่ได้

และผมเอง ก็เคยเป็นคนที่บรีฟงานแย่ๆ ห่วยๆ จนคนอื่นน่าจะกำหมัดอยู่หน้าคอมเช่นกัน


เอาหล่ะ ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ถึง 5 วิธีบรีฟงานแบบไหนบ้างที่ทำให้งานล่มจม


และถ้าคุณรู้แล้ว ได้โปรดอย่าทำมันกับใครเด็ดขาด

1.บรีฟแบบไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร


การบรีฟแบบแรกที่ไม่โอเคเลยคือการบรีฟทั้งๆ ที่ตัวคนบรีฟเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร

ซึ่งส่วนใหญ่คนที่สั่งงานประเภทนี้อาจจะเป็นคนที่โดนสั่งมาอีกที หรือไม่ก็เห็นแบรนด์อื่นทำอะไรสักอย่างแล้วอยากทำตามโดยที่ไม่ได้รู้หรือเข้าใจในเรื่องนั้นมาก่อน

โดยเราจะสังเกตได้จากบรีฟงานแบบ Abstract เช่น

“ขอบทความเกี่ยวกับ Excel เจ๋งๆ ขอปังๆ หน่อย”


แล้วพอถามกลับไปว่า เจ๋งๆ ปังๆ ที่ว่าคืออะไร


ตอบไม่ได้

ใช่ครับ แล้วพอจะเดาได้ใช่ไหมครับว่าถ้าทำงานกับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไรจะเกิดอะไรขึ้น 


การทำงานซ้ำซาก ซ้ำซ้อน นั่นเอง


อย่างผมเองเคยเจอเคสทำนองว่าส่งงานแล้ว Feedback ที่ได้กลับมาคือ 


“พี่ว่ามันไม่ใช่” 


แล้วพอถามกลับไปว่า

“แล้วพี่อยากได้อะไร”


คำตอบที่ได้กลับมาคือ “ไม่รู้ ไม่รู้”


โอเค ถ้าพี่ไม่รู้ ผมจะรู้กับพรี่ไหมค้าบ

2.บรีฟแบบไม่พิจารณางบประมาณ


การบรีฟงานแบบไม่ดูงบนี่ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้าง Toxic เช่นกัน อย่างผมเคยเจอเคสที่ขอให้ผมทำงานเขียน 3000 คำ ในราคา 500 บาท ป๊าด


ผมไปนั่งตอบแบบสอบถามยังได้เงินเยอะกว่าเลยเอาจริง


และผมบอกเลยว่างานแบบนี้รวมไปถึงการแอบ “สอดแทรก” ค่าใช้จ่ายระหว่างทำงานเข้าไปด้วยนะครับ เช่นค่าอุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้ระหว่างทำงาน ไม่รวมในงบ


อันนี้ก็เป็นปัญหาอีกเช่นกัน


ถ้าคุณอยากให้งานออกมาดี บางทีงบมันก็ต้องสมน้ำสมเนื้อนะครับ


3.บรีฟแบบคิดว่าคนอื่นจะมีญาณตรัสรู้ในสิ่งที่ไม่ได้บอก


คนบรีฟงานบางคนก็มีปัญหาเช่น บอกไม่หมดแล้วทึกทักเอาเองว่าเราจะรู้ว่าเค้าอยากได้อะไร 


เห้ยคุณ นี่คนทำงานนะครับไม่ใช่หมอดูที่จะเดาใจได้ว่าคุณพรี่อยากได้อะไร


แล้วพอทำงานไปให้จากบรีฟที่ไม่ครบก็มาบ่นอีกว่า “แค่นี้ก็น่าจะเดาออกนี่ว่าอยากได้อะไร”

อื่ม……


คือถ้าทำงานด้วยกันมาสิบปี อาจจะพอเดาใจกันออกนี่ไม่แปลก แต่บางทีมันไม่ใช่ไง 


4.บรีฟแบบขอจรวด SpaceX ใน 1 วัน


Warren Buffett เคยพูดเอาไว้ว่า เราไม่สามารถให้ผู้หญิง 9 คน ช่วยกันตั้งท้องเด็กทารกในเวลา 1 เดือนได้ 


งานบางอย่างก็เช่นกัน ที่มันก็ต้องใช้เวลาในการทำที่เหมาะสมถึงจะออกมาดี


แต่มันก็มีคนบรีฟบางคนที่ชอบประมาณว่า “ด่วน ขอเอาเดี๋ยวนี้” 


โดยไม่ได้ดูเลยว่ามันทำได้จริงแค่ไหน


และต้องบอกตรงนี้เลยว่าความน่ากลัวของการไปรับงานที่ขอ Deadline เว่อร์เกินจริงคือมันจะบีบให้เราไม่สามารถส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพได้ 


เพราะเวลามันไม่พออออ

และสิ่งที่ตามมาคือคุณอาจจะเสียชื่อได้โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น Freelance หรือเป็นเจ้าของกิจการ

เพราะเวลาลูกค้าบ่น ลูกค้าก็จะบ่นว่าคุณภาพงานเราห่วย ทั้งที่จริงๆ คุณนั่นแหละให้เวลาเราน้อย


ดังนั้นถ้าเจองานประเภทที่บรีฟแบบไม่ได้ดูความเป็นจริงแล้ว แบบนี้ผมแนะนำว่าปฏิเสธไปดีกว่าครับ


5.บรีฟแบบไม่บอกว่าจะเอางานไปทำอะไร


อันนี้ก็เหมือนกันครับ บางคนมาบรีฟงานโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเอา Final Product ไปทำอะไรด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือทำไปแล้วไม่ถูกใจ


ถ้าอยากให้งานออกมาดี เราควรกำหนดเป้าหมายไปเลยว่างานชิ้นนี้ทำไปเพื่ออะไร KPI คืออะไร OKR คืออะไร จะได้ไม่เสียเวลากันทั้งคู่เนอะ


อ่านจบแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ ใครเคยเจอบรีฟงานแบบนี้มาแชร์กันได้นะครับ



Comments