พอดีเมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ไปทำ Visa ที่ VFS ตรงตึกเทรนดี้มา
ทีนี้ใครที่เคยไปทำ จะรู้ว่าเค้าห้ามเอาไอแพดหรือโน๊ตบุ๊คเข้าไปด้วย
ด้วยความที่ผมทำงานกับคอม ทำให้ปกติเวลาไปไหนมาไหน ผมจะพกโน๊ตบุ๊คด้วยตลอด
แต่พอรู้ว่าต้องไปที่นี่ ผมเลยไม่เอามันติดตัวด้วยเหมือนทุกที
เรื่องของเรื่องคือ ผมดันลืมเอา “ไอแพด” ออกจากกระเป๋าด้วยนี่สิ
ณ บริเวณหน้าทางเข้า VFS ที่ชั้น 28 ที่มีทั้งพี่คนตรวจและเครื่องตรวจโลหะ ผมถามพี่คนเฝ้าข้างหน้าว่า พี่รับฝากของไหม ผมเข้าไปแปบเดียวเอง แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือไม่ได้
คือพี่คนเฝ้าเค้าทำหน้าที่ของเค้าได้อย่างดีของเค้าแล้ว ผมผิดเองที่ลืมเอาไอแพดออกมา
แต่มีปัญหา เราก็ต้องแก้ ผมเลยตัดสินใจลงลิฟต์จากชั้น 28 กะว่าจะเอาของไปฝากคนดูแลตึกข้างล่าง
ระหว่างลงลิฟต์ ผมคิดในใจ “ถ้าผมทำงานที่ตึกนี้ ผมจะหาเช่าที่เล็กๆ ซื้อล็อคเกอร์มารับฝากของแน่” เพราะผมคิดว่ามันมีทั้งคนที่ไม่รู้ และคนที่ลืมแบบผม
พอผมลงมาถึงข้างล่าง ผมตรงปรี่ไปหาคนดูแลตึก ถามเค้าว่าฝากของได้ไหม
พี่เขาชี้ไปที่หน้าด้านหน้าลิฟต์แล้วตอบว่า ร้านที่อยู่ตรงข้ามลิฟต์รับฝากของ แต่มีค่าใช้จ่าย 50 บาท
“เห้ย มันมีแบบที่ผมคิดจริงๆ นี่หว่า”
ผมก็เอาของเข้าไปฝากในร้านที่ว่า ระหว่างเซ็นชื่อฝากของ ผมเห็นในกระดาษว่าตอนนี้ผมอยู่คิวที่ 30
นี่แค่ครึ่งเช้าเอง ได้ 30 คิวแล้ว ผมคิดเลขในหัวไวๆ
ถ้าวันนึงได้สัก 60 คิวนี่ วันละ 3000 แบบสบายๆ เลยนะ
ละถ้าเดือนนึงเปิดทำการ 20 วัน นี่ก็ 6 หมื่นแบบสบายๆ เลย
ผมเลยลองชวนคนที่รับฝากของคุย เค้าเล่าว่าที่ตรงนี้เป็นที่ที่ทำเลไม่ดีที่สุดในตึก เพราะมันอยู่ด้านใน ดีหน่อยที่มันติดลิฟต์แต่ค่าเช่าก็เหยียบแสนอยู่
แต่เค้าก็พลิกที่ตรงนี้เป็นโอกาส หารายได้เพิ่มจากร้านที่เดิมทำอยู่แล้ว มาเปิดรับฝากสิ่งของเพิ่ม หารายได้อีกทาง
ก็เอาเป็นว่ามาแชร์เรื่องไอเดียอาชีพเสริมแล้วกันครับ ว่าปัญหาของคนอื่น ถ้าเราแก้ได้ มันก็กลายเป็นธุรกิจได้
และบางทีวิธีแก้มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยด้วย
Comments
Post a Comment